3 ข้อที่บอกตัวแทนถ้าอยากได้ประกันชีวิตและสุขภาพที่ตรงใจ

1. อยากได้ประกันสุขภาพต้องบอกโรงพยบาล หลายคนสงสัยว่าจะบอกโรงพยาบาลทำไมแค่อยากทราบเบี้ย แต่เดียวก่อน การทำบอกโรงพยาบาลเพราะตัวแทนจะได้ช่วยเช็คให้ว่าโรงพยาบาลที่ไปค่าห้องเท่าไหร่ เพื่อจะได้ช่วยออกแบบแผนประกันให้ เช่น เข้าโรงพยาบาล A ค่าห้อง 4,000 บาทก็จะได้เลือกแผนประกันที่พอดีหรือไม่ขาดไม่เกินกับที่ต้องจ่าย ถ้าลูกค้าไม่แจ้ง ตัวแทนก็อาจจะไม่รู้ว่าค่าห้องที่เท่าไหร่ถึงจะพอ ถ้าเสนอแผนค่าห้อง 6,000 บาทก็จะสูงไป ถ้าเสนอแผน 2,500 บาทไปก็น้อยกว่าที่โรงพยาบาลเรียกเก็บลูกค้าก็มาเสียค่าส่วนต่างเองทีหลัง 2. เบี้ยที่จ่ายไหว บางคนอาจจะไม่ต้องต้องการวางแผนประกันให้พอดีกับค่าห้องค่ารักษา เพราะว่ามีงบจำกัด แผนที่เสนอไปอาจจะเกินงบก็ได้ เพื่อให้ได้แผนที่ตรงกับความต้องการให้แจ้งไปเลยว่าเบี้ยที่จ่ายไหวต่อปีไม่เกินเท่าไหร่ หรือต่อเดือนไม่เกินเท่าไหร่ ตัวแทนสามารถจัดแผนตามเบี้ยที่ต้องการได้แน่นอนทีนี้ก็มาดูว่าเบี้ยที่เราจ่ายไหวจะได้ค่าห้อง ค่ารักษาเท่าไหร่ พออีกไม่พอก็จะได้ปรับให้ตรงความต้องการมากขึ้น 3. ประกันที่มีอยู่แล้ว ถ้าใครที่มีประกันอยู่แล้วอยากให้แจ้งตัวแทนไปด้วยเพราะจะได้ไม่ซื้อเพิ่ม เช่น บางคนมีประกันสุขภาพของบริษัทอยู่แล้วได้ค่าห้อง 2,000 บาท แต่เข้าไปนอนโรงพยาบาลมานะ ค่าห้องไม่พอต้องจ่ายส่วนต่างเพิ่ม ตัวแทนก็จะได้จัดแผนอื่นที่ไม่ใช่ประกันสุขภาพให้อาจจะเลือกเป็นเอ็กตร้าแคร์ที่ได้ค่าห้องกับค่ารักษาเพิ่มาซึ่งเบี้ยจะถูกกกว่าการซื้อแผนประกันสุขภาพแบบ H&S หรือได้ค่าห้องค่ารักษาเยอะมาก แต่ไม่ได้เงินค่าชดเชยก็จะได้เพิ่มแค่ส่วนนี้ให้ สำหรับคนที่ต้องการแผนประกันสะสมทรัพย์อาจจะต้องแจ้งระยะเวลาการจ่ายเบี้ย ระยะเวลาครบสัญญาหรือจำนวนเบี้ยที่จ่ายเพิ่มเพราะปัจจุบันประกันแบบออมทรัพย์มีแผนให้เลือกเยอะมากทั้งแบบจ่ายสั้น 5-10 ปี จ่ายกลาง 10-15 ปีหรือจ่ายยาวจนเกษียณ 15+ ปี ถ้าขอแบบประกันทั้งหมดมาดูและเปรียบเทียบเองอาจจะงงได้ว่าแบบไหนคุ้มค่า แบบไหนได้ประโยชน์มากกว่า สำหรับคนที่ชอบอ่านชอบศึกษาอาจจะเป็นเรื่องดี […]

มีแล้วพอหรือยัง? เช็คลิสก่อนทำประกันสุขภาพ

มีแล้วพอหรือยัง? เช็คลิสที่จะช่วยตอบคำถามว่าเราควรทำประกันสุขภาพเพิ่มหรือไม่ เคยเจอไหมครับ ซื้อประกันสุขภาพไว้หลายปีแล้วสมัยค่าห้องยังราคาไม่แพง ตอนนั้นก็ยังครอบคลุม มาตอนนี้ค่าห้องโรงพยาบาลสูงลิ่ว หรือมีประกันสุขภาพจากบริษัทอยู่ ไม่เคยเช็คว่าได้ค่าอะไรบ้าง รู้แค่ว่ามี พอเข้าโรงพยาบาลเลยเลือกห้อง VIP เลือกโรงพยาบาลที่แพง ค่าใช้จ่ายออกมาเกินงบ เพราะเพราะเราคิดว่ามีประกันอยู่แล้ว วันนี้มาเช็คกันดูสักหน่อยว่ามีประกันสุขภาพที่เคยมีอยู่หรือประกันสุขภาพที่บริษัทเคยมีให้ได้ค่ารักษาะยาบาลเป็นยังไงบ้าง เพียงพอต่อการเข้าโรงพยาบาลหรือไม่ 1. ให้ค่าห้องต่อคืน 5,000 บาท (ค่าห้องขั้นต่ำ รพ.เอกชนระดับปานกลาง) 2. ให้ค่ารักษา 200,000 บาทต่อครั้ง (เทียบเท่าผ่ารักษาไส้ติ่ง, ไข้หวัดใหญ่, ไข้เลือดออก) 3. ตายแล้วที่ได้เงิน 200,000 บาท 4. รถชน, อุบัติเหตุได้ค่ารักษา 30,000 บาท 5. นอนโรงพยาบาลมีเงินให้คืนละ 1,000 ลาท ทุกคนได้กี่คะแนนกันบ้าง ถ้าประกันของบริษัทที่มีอยู่ให้เรามากกว่า 3 ข้อ อย่าเพิ่งปฏิเสธว่ามีแล้ว ถ้าสิ่งที่มีอยู่ยังไม่เพียงพอ =============== ติดตามช่องทางอื่นของเรา Facebook :  Money and Insurance Line : https://lin.ee/cAyHd1Q […]

ประกันชีวิตพ่อแม่ – ประกันสุขภาพพ่อแม่

เมื่อประกันชีวิตและประกันสุขภาพไม่ใช่เรื่องของผู้ใหญ่อื่นต่อไป สมัยนี้วัยหนุ่มสาวที่เริ่มทำงานหรือวัยกลางคน เริ่มทำประกันชีวิตไว้กันแล้วเพราะพวกเค้าคิดว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ ทั้งอุบัติเหตุ การเจ็บป่วย ไม่ใช่เรื่องไกลตัวเลย และไม่ใช่แค่พวกเค้าทำให้ตัวเองนะครับ ยังทำเผื่อไปถึงพ่อกับแม่ด้วย มาดูเหตุผลที่ผมได้รวบรวมมาว่า ทำไมวัยหนุ่มสาวเค้าถึงทำประกันชีวิตเผื่อไปยังพ่อแม่ด้วย “เอาตามตรง พ่อแม่ไม่ได้รวยมาก ถ้าท่านเป็นอะไรไป มันต้องมีค่าใช้จ่ายแน่ๆ ทั้งค่าจัดงานศพ หนี้ที่ท่านมีไว้อีก คนที่รับผิดชอบต่อก็เป็นเรา ถ้าท่านไม่มีประกันชีวิต เราคือคนที่จะลำบาก”  จากเพื่อนคนหนึ่งที่สนใจทำประกันให้พ่อกับแม่ “พ่อ แม่ของใครๆ ก็รักนะ เวลาท่านจากไปเป็นใครก็ต้องเสียใจปะ แต่ชีวิตก็ต้องเดินต่อไป ไม่ได้ว่าเราเห็นแก่เงินนะ แต่เงินมันก็สำคัญในการใช้ชีวิตมีเงินก้อนที่ท่านทิ้งไว้ให้สักก้อนก็ยังดี” น้องท่านหนึ่งที่ทำประกันให้กับแม่ เอาละ มาต่อที่เคล็ดลับการเลือกประกันชีวิตให้พ่อกับแม่ครับ ผมเชื่อว่า พ่อ แม่ แต่ละคนอายุไม่เท่ากันแน่ อายุเป็นตัวกำหนดเบี้ยประกัน ถ้าอายุมากเบี้ยก็ประกันก็จะสูง อายุน้อยเบี้ยก็จะถูก แล้วเราจะเลือกทำประกันแบบไหนได้บ้าง ถ้าอยากทำประกันชีวิตแบบที่ท่านเสียไปแล้วได้เงินก้อน 1. ประกันชีวิตพ่อแม่ แผน 1 คุ้มครองถึงอายุ 99 ปี ,จ่ายเบี้ย 20 ปี ทุนประกันที่คุ้มครองเริ่มต้น 200,000 บาท เบี้ยจะคิดตามอายุ ณ วันที่ทำและคงที่ตลอดสัญญา […]

เอ็กตร้าแคร์ พลัส เพิ่มค่าห้องและค่ารักษา

ไม่มีงบสำหรับซื้อประกันสุขภาพแผนค่ารักษาสูง แต่อยากได้ค่าห้องสูง เมืองไทยประกันชีวิตทำได้ ด้วยเบี้ยที่ถูกว่า เคยเจอไหมครับอยากได้ค่าห้อง ค่าอาหาร ค่ารักษาสูง ให้พอกับนอนโรงพยาบาลเอกชน แต่ตัวแทนบอกต้องซื้อแผนค่ารักษาพยาบาลสูงเพราะแผนค่ารักษาพยาบาลสูงจะได้ค่าห้องสูงด้วย ทำให้เบี้ยแพงขึ้น ทั้งๆที่เราคิดว่าไม่จำเป็นต้องเอาค่ารักษาสูงขนาดนั้น อยากประหยัดเบี้ยแต่เพิ่มค่าห้อง เมืองไทยประกันชีวิตช่วยได้ สัญญาเพิ่มเติมเอ็กตร้าแคร์ พลัส เพิ่มค่าห้องให้ให้เริ่มต้นที่ 2,000 บาท ไม่พอแค่นั้นยังได้ครับค่ารักษาพยาบาลเพิ่มอีก 200,000 บาท เบี้ยถูกกว่าซื้อประกันสุขภาพแผนค่าห้องสูง ตัวอย่าง พี่มีประกันสุขภาพอยู่แล้ว ได้ค่าห้อง 3,000 บาท แต่ รพ. ที่เข้ารักษาค่าห้อง 5,000 บาททำให้มีค่าห้องส่วนเกิน 2,000 บาทต่อครั้ง จะซื้อประกันสุขภาพแผน ค่าห้อง 2,000 บาทเพิ่มก็ต้องจ่ายเพียยทั้งแผนเดิมและแผนใหม่ หรือจะซื้อประกันสุขภาพแผนใหม่แผนค่าห้อง 5,000 บาทก็เบี้ยแพง มา Top up ด้วยเอ็กตร้าแคร์พลัส เบี้ยประหยัดกว่า ได้ทั้งค่าห้อง ได้ทั้งค่ารักษาพยาบาล แผน 1 ค่าห้อง 2,000 บาท – เงินประกันกรณีเสียชีวิต 200,000 บาท […]

ยิ่งคนป่วยมากขึ้น เบี้ยประกันสุขภาพก็แพงขึ้น?

จากที่ติดตามข่าวมาตอนนี้ประกันทุกบริษัทยังให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลและเสียชีวิตจากไวรัสโคโรน่าตามปกติ “แต่เมื่อใดที่ไวรัสโคโรน่าถูกประกาศให้เป็นโรครุนแรงหรือ ภาวะฉุกเฉิน เมื่อนั้นอาจจะเป็นโรคยกเว้นที่ไม่สามารถเบิกค่ารักษาได้หรือมีเงื่อนไขเพิ่มขึ้น” สิ่งที่ผมคาดการณ์ไว้แต่รอดูสถานการณ์ตอนนี้มันเป็นจริงแล้ว เนื่องมาจากประกันชีวิตและสุขภาพคือการเฉลี่ยภัยโดยประชากรที่ทำประกันสุขภาพเป็นบุคคลที่ถือว่าสุขภาพดี มีคุณสมบัติเหมือนกันจ่ายเบี้ยเข้ามา ใครที่มีเหตุฉุกเฉินต้องการใช้ค่ารักษาพยาบาล บริษัทก็จะให้เงินก้อนนี้ไป บริษัทไหนที่มีประชากรทำประกันสุขภาพน้อย เบี้ยน้อย แต่มีอัตราการเจ็บป่วยสูง ก็มีความเสี่ยงที่จะไม่มีเงินทุนตรงนี้มาจ่าย (จากหลักสูตรระบบประกันสุขภาพ MOOC Chula) ทีนี่ถ้ามาต่อที่ว่าถ้าไวรัสโคโรน่ากลายเป็นโรคที่ทุกคนมีความเสี่ยงทำไมบริษัทอาจจะต้องยกเว้นในการทำประกันสุขภาพ (ย้ำว่าเป็นความเห็นส่วนตัวโดยอ้างจากประกันสุขภาพเด็กช่วง 5 ปีที่ผ่านมา) ประกันสุขภาพเด็กมีการเคลมเยอะมาก เพราะเด็กเจ็บป่วยสูงกว่าผู้ใหญ่ ป่วยแล้วหายช้ากว่า เจ็บนิดเจ็บหน่อยพ่อแม่ก็พาไปโรงพยาบาล เมื่อก่อนเบี้ยประกันสุขภาพเด็กปีละ 10,000 ต้นๆ เข้าโรงเรียนทีเคลมไป 30,000-40,000 บาท บางคนเข้าโรงพยาบาลหมดไปเป็นแสน เกินค่าเบี้ยที่จ่าย และอัตราการเจ็บป่วยของเด็กที่ทำประกัน 100 คนจะเข้าโรงพยาบาลประมาณ 90 คน ทำให้เงินส่วนที่เราจ่ายเบี้ยมันเกินงบไปหมด จากการเฉลี่ยภัยของประชาชนที่จ่ายเบี้ยเข้ามากลายเป็นความรับผิดชอบของบริษัทที่จะต้องหาเงินมาจ่ายส่วนนี้ ปีที่ผ่านๆ มาหลายบริษัทปิดแผนประกันสุขภาพเด็กไปเลย บางบริษัทก็ปรับเพิ่มเบี้ยขึ้น บาที่ก็ขึ้นอีกอีก 100% คนที่ทำประกันสุขภาพให้ลูกแล้วก็โรคดีไป ส่วนคนที่เพิ่งจะเริ่มมองหาประกันก็ต้องคิดหนักเพราะเบี้ยแพงเหลือเกิน จากตัวอย่างประกันสุขภาพเด็กที่กล่าวไปจึงคาดการว่า ถ้าไวรัสโคโรน่าระบาดมากกว่านี้ ทุกคนมีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตและเจ็บป่วยมากขึ้นก็อาจเป็นไปได้ว่า บริษัทประกันอาจจะต้องทบทวนและมีแผนอะไรสักอย่างเดียวกับค่ารักษาพยาบาลของโรคไวรัสโคโรน่า ซึ่งตอนนี้ก็เริ่มเห็นแล้วว่าแผนประกันที่คนนิยมซื้อเริ่มปิดขาย หรืออกแผนใหม่ที่มีเงื่อนไขมากขึ้น คุ้มครองน้อยลง หากวันนี้ใครยังไม่มีประกันชีวิตและสุขภาพอยากให้เริ่มหาไว้ตอนที่เรายังแข็งแรงและสุขภาพดี เพราะในวันที่ป่วยและอยากทำประกันสุขภาพ บริษัทอาจจะไม่รับเราก็ได้ […]

1 7 8 9 10 11 13