7 ข้อต้องรู้กับประกันชีวิตควบการลงทุน

  ผมว่าคน Gen Y รุ่นใหม่ช่วงอายุ 25-35 ปี น่าจะเป็นกลุ่มที่เติบโตเร็วทั้งในด้านรายได้ ด้านความรู้ ด้านความคิดไว มากกว่าคนยุคก่อนๆ อาจะเป็นเพราะเราสามารถเรียนรู้อะไรใหม่ๆ ได้รวดเร็ว มีอินเตอร์เน็ตและเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยในการหาความรู้ได้หลากหลายขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการลงทุนที่ไม่ใช่เรื่องยากเหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะมีทั้งหนังสือ มีคลิปสอนการลงทุน คนรุ่นใหม่สามารถลงไปลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ หรือการลงทุนต่างๆ ได้ด้วยตัวเองแล้ว เช่นเดียวกับประกันชีวิตแบบเดิมๆ ที่มีข้อจำกัดหลายอย่าง ไม่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ เช่นในเรื่องความคุ้มครองชีวิต คนรุ่นใหม่อาจจะมองว่ายังไม่มีครอบครัวจะทำประกันชีวิตไปทำไมยังไม่รู้ว่าจะให้เงินก้อนนี้กับใคร หรือบางคนมองว่าทำประกันไปแล้วไม่ได้ใช้ และผลตอบประกันรูปแบบเดิมได้ผลตอบแทนน้อย อาจจะมองเรื่องการลงทุนมากกว่า จึงทำให้คนรุ่นใหม่ขาดความรู้ความเข้าใจเรื่องประกันชีวิตและไม่ได้ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ จึงเป็นที่มาของประกันชีวิตอีกรูปแบบหนึ่งที่ผสมผสานระหว่างความคุ้มครองชีวิตกับการลงทุนไปในตัวที่ตอบโจทย์กับคนช่วงอายุ 25-35 ปีมากขึ้น นั้นก็คือ “ประกันชีวิตควบการลงทุนหรือเรียกอีกอย่างว่า Uint-Linked” นั้นเเอง ประกันชีวิตควบการลงทุน (Uint-Linked) คือ ประกันที่ได้ความคุ้มครองชีวิตเมื่อเราจากไปและยังได้ลงทุนในกองทุนที่เราสนใจทำให้มีโอกาสได้ผลตอบแทนมากขึ้น โดยจริงๆแล้วคอนเซ็ปต์ก็ยังคงเป็นประกันชีวิต ไม่ใช่การลงทุนทั้งหมด เพียงแต่ว่าเราได้เลือกลงทุนจากเบี้ยที่หักค่าใช้จ่ายต่างๆ ไปแล้ว ประกันชีวิตควบคู่การลงทุน (Uint-Linked) จะแบ่งเบี้ยประกันออกเป็น 2 ส่วนคือ ส่วนประกันชีวิตและส่วนของการลงทุน เมื่อจ่ายเบี้ยมาบริษัทจะหักส่วนที่เป็นประกันชีวิตและค่าธรรมเนียมต่างๆ ก่อน เหลือเท่าไหร่ก็จะเอาไปลงทุนตามกองทุนที่เราต้องการหรือถ้าใครไม่มีความรู้ เมืองไทยประกันชีวิตก็มีพอร์ตการลงทุนแนะนำตามระดับความเสี่ยงของแต่ละคนโดยได้เลือกกองทุนเด่นที่มีการบริหารงานที่ดีมาจัดเป็นพอร์ตแนะนำให้ ส่วนของความคุ้มครองชีวิตสามารถเลือกทุนประกันได้สูงกว่าประกันแบบเดิมๆ […]

ใครบ้างที่ต้องวางแผนการเงิน

เรื่องเงินพูดแล้วบางคนอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องปวดหัว เรื่องเข้าใจยาก เรื่องของผู้ใหญ่ วัยรุ่นยังไม่จำเป็นต้องไปเข้าใจมัน พอถึงเวลาก็เข้าใจเอง …แต่พอมาดูว่าในชีวิตประจำวันแล้วใครบ้างที่เกี่ยวกับเงินก็จะเห็นว่าทุกวัยตั้งแต่เกิดจนแก่ต้องใช้เงินทั้งนั้น ไม่ใช่แค่เรื่องของ วัยใดวัยหนึ่ง มาดูกันว่าแต่ละวัยเกี่ยวข้องกับเงินยังไงบ้าง วัยเด็ก เป็นวัยที่พ่อแม่ ควรสอนให้รู้จักกับการออมเงิน รู้จักการใช้เงิน เป็นวัยที่เราต้องสอนให้รู้จักบ่มเพาะนิสัยให้รู้จักคุณค่าของเงินเพื่อที่จะสามารถบริหารจัดการเงินได้เมื่อโตขึ้นไป วัยนี้ควรสอนให้รู้จักกับการหยอดกระปุกออมสินจากเงินที่ได้ในแต่ละโอกาสหรือเงินที่เหลือจากค่าขนมที่ไปโรงเรียน สอนให้รู้จักกับการฝากเงินที่ธนาคารให้เห็นว่าถ้าเราออมเงินจะได้ผลตอบแทนจากอัตราดอกเบี้ย วัยทำงาน เป็นวัยที่เริ่มหารายได้ด้วยตัวเอง และสนุกกับการใช้เงินจากที่หาได้ อาจจะใช้เพลินจนลืมเก็บเงินได้ ที่สำคัญวัยทำงานเป็นวัยที่มีโอกาสร้างหนี้เยอะที่สุดทั้ง ทั้งบ้าน รถ บัตรเครดิต หากขาดการวางแผนการเงินที่ดี ใช้ชีวิตตามกระแสสังคมมากเกินไป อาจจะทำให้ลำบากในวันข้างหน้า รู้จักกับการเก็บเงินสำรองฉุกเฉิน การวางแผนภาษีจากรายได้ รู้จักการลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทน การวางแผนเกษียณ การบริหารความเสี่ยงจากประกันชีวิตและสุขภาพ การออมเงินหรือตั้งเป้าหมายทางการเงินเช่น ซื้อบ้าน ซื้อรถ สร้างครอบครัว วัยสร้างครอบครัว วัยนี้จะรุ่งหรือจะเละก็เป็นผลมาจากวัยทำงานเลยครับเพราะยังถือว่ายังทำงานกันอยู่แต่อาจจะมีภาระเพิ่มเรื่องการสร้างครอบครัว ถ้ามีการวางแผนที่ดีตั้งแต่วัยทำงานก็จะทำให้เหนื่อยน้อยกว่าการไม่ได้วางแผนอะไรมาเลย วัยทำงานที่ว่าหนักแล้วการสร้างครอบครัวจะยิ่งหนักเพราะต้องมีคนที่เราต้องดูและเพิ่ม วางแผนประกันชีวิตให้กับตัวเองและครอบครัวเพราะเมื่อคนใดคนหนึ่งเป็นอะไรไปอีกคนจะได้ไม่ลำบาก วางแผนประกันสุขภาพ เพราะการเจ็บป่วยเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถเดาได้ ถ้าหากป่วยหนักแล้วไม่มีประกันสุขภาพอาจจะทำให้เงินเก็บของครอบครัวหมดได้ วางแผนการบริหารรายรับ จ่าย ของครอบครัวเพื่อสร้างอนาคตให้กับลูก วัยเกษียณ หลายคนคิดว่าวัยเกษียณยังทำเป็นต้องรู้จักวางแผนการเงินอีกหรอ ตอบเลยว่า..จำเป็น แต่ไม่ใช่เหมือนวัยอื่นๆ แม้ว่าวัยเกษียณจะไม่ต้องปวดหัวเรื่องการหาเงินแล้วแต่ก็ยังต้องใช้เงินอยู่ จริงๆ ควรเตรียมพร้อมมาตั้งแต่ วัยทำงานและวัยสร้างครอบครัวแล้ว […]

3+1 เทคนิคใช้บัตรบัตรเครดิตยังไงไม่ให้เป็นหนี้

ช่างต้นเดือนแบบนี้ทุกคนกำลังหมุนเงิน มาจ่ายค่าบัตรเครดิตที่เพิ่งตัดรอบบิลไปกันอยู่ไหมครับ ถ้าทุกคนไม่มีปัญหากับการจ่ายเงิน เรียกเก็บเท่าไหร่ก็จ่ายเต็ม แสดงว่าสามารถบริหารการเงินได้ดีเยี่ยมเลยละครับ แต่ถ้าใครมีปัญหากับจ่ายค่าบัตร ดูรายละเอียดการใช้แล้วมืด 8 ด้านว่าใช้ไปกับอะไรบ้าง เงินไม่พอจ่ายเลย จะทำยังไงดีนะ เราคือเพื่อนกันครับ เพราะผมก็เคยเป็นมาก่อน วันนี้อยากจะมาเล่าเทคนิคที่ตัวเองใช้เพื่อบริหารจัดการหนี้บัตรเครดิตให้อยู่มัด จนตอนนี้จ่ายเต็มตลอดๆ 1. เลือกใช้บัตรเดียวเพราะเราจะเห็นว่าในรอบบิลนั้นๆ ใชัเงินไปเท่าไหร่แล้ว ถ้ากระจายหลายบัตรยอดแต่ละยอดก็อยู่คนละแอพหมด ทำให้เราเราต้องคอยรวมยอดอยู่บ่อยๆ เพื่อดูว่าเดือนนี้ใช้ไปเท่าไหร่แล้ว เกินงบที่ตั้งไว้หรือยัง หรืออาจจะเผลอคิดไปว่า เฮ้ยเพิ่งใช้ไปนิดเดียวเองรูดต่อละกัน ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้รวมบัตรอื่นๆ แต่ผมมีอีกบัตรสำหรับไว้เติมเที่ยว รฟฟ. เพราะบัตรนั้นจะได้ส่วนลดตั้ง 11% รวมๆ ต่อรอบบิลก็ได้ส่วนละ 200-300 บาทเลย 2. มีบัญชีสำหรับจ่ายค่าบัตรเครดิต บอกเลยว่ามีแบบนี้แล้วชีวิตดีมาก ถ้าได้รูดซื้อของ หรือบัตรตัดค่าฟิตเนส ค่าน้ำค่าไฟ ผมจะโอนเงินไปไว้บัญชีนี้ทันที เพราะจะได้รู้ว่ายอดเงินคงเหลือจริงๆ ที่จะใช้ได้เหลือเท่าไหร่ จะได้ไม่เผลอใช้เดียวสิ้นเดือนไม่มีพอจ่ายค่าบัตรอีก พอถึงรอบการจ่ายก็สามารถโอนจ่ายจากบัญชีนี้ได้เลย 3. เลือกบัตรที่คิดว่ามีโปรโมชั่นเหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด แน่นอนว่าแต่ละบัตรก็ก็โปรโมชั่นเด่นๆของบัตร เช่น สำหรับเติมน้ำมัน สำหรับช้อปปิ้ง สำหรับร้านอาหาร ถ้าเราอยากจะได้โปรโมชั่นทุกอย่างก็คงจะปวดหัวที่ต้องมาดูว่าจะไปกินข้าว จะไปเที่ยวต้องใช้บัตรไหนดีนะ มันก็จะวกไปที่ข้อ 1 […]

ซื้อหรือเช่า? คิดให้ดีก่อนมีคอนโด

ความฝันเล็กๆของวัยรุ่นหนุ่มสาวอายุ 20 ปลายๆ 30 ต้นๆ ก็คงอยากจะไปท่องเที่ยวที่ต่างๆ เพื่อนถ่ายรูปสวยๆอัพไอจี หรือถ้าความฝันใหญ่หน่อยก็คงอยากจะมีคอนโดสักห้องในเมือง ที่เดินทางไปทำงานสะดวก หรือมีรถสักคันเพื่อขับไปทำงาน ไปเที่ยวที่ไกลๆ กัน บางคนคิดว่าทำงานมาหลายปีแล้ว เช่าคอนโดอยู่ค่าเช่าก็สูงเกือบจะเท่ากับที่ผ่อนเองต่อเดือน อยากจะซื้อเป็นของตัวเองเลยจะดีไหมนะ!! …เดี่ยวก่อนครับ ก่อนจะตัดสินใจลองมาดู 5 ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคอนโดก่อนว่าจะเลือกซื้อหรือเลือกเช่าต่อไปดี 1. คอนโดเป็นทรัพย์สินชิ้นใหญ่  ใช้เวลาผ่อนนาน สูงถึง 30 ปี ถ้าเลือกซื้อเราควรมั่นใจว่าพร้อมจะเป็นหนี้ก้อนใหญ่แล้วและอาจจะมีผลกระทบกับรายจ่ายอื่นๆ รายได้ที่ได้มาก็ต้องคิดถึงเรื่องจ่ายค่าผ่อนคอนโดเป็นอย่างแรก จะเอาไปใช้เรื่อยเปื่อยเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้ 2. ซื้อคอนโดไม่ได้จบแค่ค่าผ่อนแต่ยังมีค่าอื่นๆ เพิ่ม เช่น ค่าส่วนกลางที่ต่อจ่ายทุกเดือนหรือทุกปี ค่าประกันอัคคีภัย หรือค่าประกันชีวิตของผู้ซื้อที่ธนาคารอาจจะบังคับให้ทำ และเป็นรายจ่ายต่อเนื่องทุกๆปีตลอดที่เรายังอยู่ ไม่เหมือนกับการเช่า ซึ่งจะไม่ต้องเสียค่าวส่วนกลางและค่าประกัน (ส่วนใหญ่ผู้ให้เช่าจะให้ฟรีหรือรวมไปกับค่าเช่าแล้ว) 3. ซื้อแล้วยังไม่ได้เป็นเจ้าของจริง เพราะตัวโฉนดตัวจริงจะยังอยู่กับธนาคารที่เราผ่อนจนกว่าจะหมด ธนาคารจึงจะให้ฉบับจริงมาก เราก็จะได้สำเนามาเก็บไว้ 4. ซื้อคอนโดดีกว่าเช่า เพราะเงินที่เราจ่ายก็เหมือนเป็นค่าผ่อนไปในตัวแทนที่จะจ่ายค่าเช่า เอามาผ่อนถ้าอยู่ไปยาวๆ ก็ได้เป็นของตัวเอง แต่ถ้ายังไม่มีสภาพคล่องทางการเงินที่ดี ยังใช้เงินเดือนชนเดือนหรือผ่อนหนี้บัตรเครดิตวนไปมาก็อย่างเพิ่งดีกว่า ลองบริหารจัดการเงินให้ดีก่อนครับ 5. เช่าคอนโดมีความคล่องตัวมากกว่า เพราะเมื่อต้องเปลี่ยนที่ทำงานหรือหรือย้ายที่อยู่บ่อยๆ […]

ทำงานเหนื่อยมาทั้งปี เสียเงินเดือนเป็นค่าภาษีไปกี่บาท?

เคยไหมครับทำงานมาทั้งปีไม่เคยเช็คเลยว่าภาษีที่เราเสียเท่าไหร่ รู้แค่ว่าเงินเดือนเข้า บริษัทหักไว้และได้เงินมาใช้ หรือแค่ตอนยื่นไม่เสียเพิ่มก็ดีใจแล้ว หลายคนยังไม่รู้ว่าเราที่สิทธิ์ที่จะได้ภาษีที่เราจ่ายคืนมา ถ้าเรารู้จักวางแผนและใช้สิทธิลดหย่อน ตามที่สรรพกรกำหนด มีเพื่อนผมอยู่คนนึงรายได้เยอะพอสมควรทำให้เสียภาษีต่อปีค่อนข้างสูงมาก มาเฉลี่ยแล้วภาษีที่เสียเกือบเท่ากับเงินเดือนๆนึง นั่นแสดงว่า เพื่อนผมคนนี้ทำงานฟรีไป 1 เดือนเลยก็ว่าได้ เพราะเค้าไม่รู้ว่ามีอะไรบ้างที่ใช้ลดหย่อนหรือขอคืนภาษีได้ ลองมาคำนวณภาษีที่ต้องเสียต่อปีแบบง่ายๆกันนะครับ ตัวอย่าง A เงินเดือน 55,000 บาท รายได้ต่อปีรวม 660,000 บาท A จะได้ค่าลดหย่อน 60,000 บาทและค่าใช้จ่ายส่วนตัว 100,000 บาทรวม 160,000 บาท A นำเงินที่จ่ายประกันสังคมปีละ 9,000 บาทมาลดหย่อนได้ A จะเหลือเงินได้สุทธิ 491,000 บาทที่นำไปคำนวณภาษี เงินได้จะแบ่งเป็นขั้นดังนี้ ขั้นที่ 1 – เงินได้ 150,000 บาทไม่เสียภาษี ขั้นที่ 2 – เงินได้ 150,001-300,000 บาทเสียภาษี 5% คิดเป็นเงิน 7,500 […]

1 25 26 27 28 29 58