วันนี้อยากมาเล่ารายละเอียดแผนสุขภาพ อีลิทเฮลท์ พลัส จากคำถามที่ลูกค้าถามทาในเพจและคิดว่าคงจะมีอีกหลายท่านที่งงกับค่าห้อง ค่าอาหาร ค่าบริการโรงพยาบาลของแผนอีลิทเฮลท์ พลัสครับ
ก่อนอื่นขอแยกแผนให้ชัดเจนระหว่าง อีลิทเฮลท์ แผนเดิม และ อีลิทเฮลท์ พลัสแผนใหม่ครับ เพราะอาจจะมีบางท่านเคยซื้ออีลิทเฮลท์ แผนเดิมไว้ ซึ่งตอนนี้ปิดขายไปแล้ว ซึ่งแผนอีลิทเฮลท์ แผนเดิมจะจ่ายค่าห้องเป็นแบบตามวงเงินของแผน เช่นแผน 20 ล้านจะได้ค่าห้อง 10,000 บาท แผน 40 ล้านได้ค่าห้อง 12,000 บาท โดยในวงเงินนี้จะเป็น” ค่าห้อง ค่าอาหาร ค่าบริการโรงพยาบาล และรวมค่าบริการพยาบาลด้วย” แบบนี้จะไม่มีปัญหาเพราะปกติประกันสุขภาพแบบเดิมมีมานานแล้วและหลายคนก็เข้าใจกันอยู่แล้วเช็คกับเว็บโรงพยาบาลแล้วเอามาวางแผนเลือกซื้อประกันที่ครอบคลุมได้เลย
- ประกันสุขภาพอีลิท เฮลท์ พลัส ที่ทีการเพิ่มความคุ้มครองหลายๆ อย่างให้เป็นมาตรฐานใหม่ ตามข้อกำหนดของ คปภ. ที่มี 13 ข้อและสิ่งที่เพิ่มอย่างชัดเจนคือ หมวด 1 ค่าห้อง ค่าอาหาร ค่าบริการโรงพยาบาลโดยจะมีความพิเศษที่ลูกค้าได้รับคือ
- ได้ตัดค่าบริการพยายาลออกและย้ายไปอยู่ในหมวดค่ารักษาพยาบาลแทน ทำให้ลูกค้าได้ประโยชน์มากขึ้น อาจจะนอนห้องที่ราคาสูงขึ้นได้ หรือ ไม่ต้องจ่ายส่วนต่าง เช่น เมื่อก่อนโรงพยาบาล A ห้องเดี่ยวประกอบด้วย “ค่าห้อง ค่าอาหาร ค่าบริการโรงพยาบาล ค่าบริการพยาบาล” ห้องเริ่มต้นรวมอยู่ที่ 10,000 บาท (เป็นค่าบริการพยาบาล 3,000 บาท) ลูกค้าที่ใช้แผนอีลิท เฮลท์ แผนเดิมนอนห้องนี้ได้พอดี ไม่มีส่วนต่าง
แต่ถ้าลูกค้าที่ซื้อเป็น อีลิทเฮลท์ พลัสแผนใหม่ ห้องเดี่ยวประกอบด้วย ประกอบด้วย “ค่าห้อง ค่าอาหาร ค่าบริการโรงพยาบาล ค่าบริการพยาบาล” ห้องเริ่มต้นรวมอยู่ที่ 10,000 บาท (เป็นค่าบริการพยาบาล 3,000 บาท) ห้อง VIP ประกอบด้วย “ค่าห้อง ค่าอาหาร ค่าบริการโรงพยาบาล ค่าบริการพยาบาล” ราคา 13,000 บาท (ประกันสุขภาพมาตรฐานใหม่ค่าบริการพยาบาล 3,000 บาทที่ย้ายไปอยู่ในหมวดค่ารักษาพยาบาล) จะเหลือแค่ 3 อย่างคือ “ค่าห้อง ค่าอาหาร ค่าบริการโรงพยาบาล” 10,000 บาท ก็สามารถนอนเป็นห้อง VIP ได้ เพราะเท่ากับวงเงินของแผนที่ทำไว้พอดี - แผนอีลิทเฮลท์ พลัสจะได้วงเงิน 2 แบบคือค่าห้อง ค่าอาหาร ค่าบริการโรงพยาบาล 10,000 บาท หรือไม่เกินห้องเดี่ยวมาตรฐานของโรงพยาบาลโดยลูกค้าจะได้วงเงินที่สูงที่สุดเช่น โรงพยาบาล A ค่าห้องเดี่ยวราคา 7,000 บาท ค่าห้อง VIP ราคา 10,000 บาท ลูกค้าก็สามารถเลือกนอนห้อง VIP ได้ โรงพยาบาล B ค่าห้องเดี่ยวมาตรฐาน ที่มีค่าห้อง ค่าอาหาร ค่าบริการโรงพยาบาล 14,000 บาท แต่แผนที่ลูกทำไว้ค่าห้อง ค่าอาหาร ค่าบริการโรงพยาบาลแค่ 10,000 บาท ลูกค้าก็จะได้วงเงินเป็นเรทคือห้องเดี่ยวมาตรฐาน (บริษัทจะให้วงเงินตามเรทที่สูงกว่า)
- ได้ตัดค่าบริการพยายาลออกและย้ายไปอยู่ในหมวดค่ารักษาพยาบาลแทน ทำให้ลูกค้าได้ประโยชน์มากขึ้น อาจจะนอนห้องที่ราคาสูงขึ้นได้ หรือ ไม่ต้องจ่ายส่วนต่าง เช่น เมื่อก่อนโรงพยาบาล A ห้องเดี่ยวประกอบด้วย “ค่าห้อง ค่าอาหาร ค่าบริการโรงพยาบาล ค่าบริการพยาบาล” ห้องเริ่มต้นรวมอยู่ที่ 10,000 บาท (เป็นค่าบริการพยาบาล 3,000 บาท) ลูกค้าที่ใช้แผนอีลิท เฮลท์ แผนเดิมนอนห้องนี้ได้พอดี ไม่มีส่วนต่าง
- สิ่งที่หลายคนยังไม่รู้คือ ค่าห้อง ค่าอาหาร ค่าบริการโรงพยาบาลไม่ได้คงที่ตลอดไปเพราะมีการปรับเพิ่มขึ้นตลอด หลายท่านที่เคยทำประกันสุขภาพมานานน่าจะพอรู้ว่าแผนที่ถือไว้เมื่อก่อนอาจจะทำค่าห้องไว้ประมาณ 1,000-3,000 บาทแต่ปัจจุบันไม่พอแล้ว อนาคตแผนอีลิท เฮลท์ พลัสจะจ่ายค่าห้องให้ยังยัง?
- สมมติว่าวันนี้ โรงพยาบาล A ค่าห้องเดี่ยวราคา 7,000 บาท ค่าห้อง VIP ราคา 10,000 บาท ลูกค้าก็สามารถเลือกนอนห้อง VIP จะได้เป็นวงเงินที่สูงสุดซึ่งไม่เกินไม่เกิน 10,000 บาท
- 2 ปีถัดมา โรงพยาบาล A ปรับค่าห้องเดี่ยวเป็นราคา 8,500 บาท ค่าห้อง VIP ราคา 12,000 บาท ลูกค้าก็ยังใช้แผนอีลิทเฮล์ พลัสที่ทำไว้ได้เหมือนเดิมโดยจะได้เป็นเรทห้องเดี่ยวมาตรฐานโดยไม่มีส่วนต่างหรือสามารถเลือกนอนห้อง VIP ราคา 12,000 บาท โดยจ่ายส่วนต่างเอง 2,000 บาท (บริษัทจ่ายให้ 10,000 บาทตามวงเงินที่ได้และลูกค้าจ่ายส่วนต่าง 2,000 บาท)
- ในอนาคตอาจจะอีก 5 ปีโรงพยาบาล A ค่าห้องเดี่ยวมาตรฐาน ที่มีค่าห้อง ค่าอาหาร ค่าบริการโรงพยาบาล 14,000 บาท แต่แผนที่ลูกทำไว้ค่าห้อง ค่าอาหาร ค่าบริการโรงพยาบาลแค่ 10,000 บาท ลูกค้าก็จะได้วงเงินเป็นเรทคือห้องเดี่ยวมาตรฐาน รารา 14,000 บาทโดยไม่ต้องจ่ายส่วนต่างเพิ่ม (บริษัทจะให้วงเงินตามเรทที่สูงสุด)
- หลายท่านมีคำถามว่าถ้าอยากทำแผนอื่นของเมืองไทยอาจที่มี “ค่าห้อง ค่าอาการ ค่าบริการโรงพยาบาลแบบฟิกซ์” และเพิ่มค่าชดเชยรายวันมาช่ายจ่ายค่าห้องได้ไหม เช่น แผนเหมาจ่ายเอ็กซ์ตร้า ได้ค่าห้อง 4,000 บาท แต่โรงพยาบาลที่ลูกค้าใช้ประจำค่าห้องอยู่ที่ 7,000 บาทก็เพิ่มค่าชดรายวันอีก 3,000 บาทรวมเป็น 7,000 บาท ก็เป็นวิธีที่ดีอีกวิธีหนึ่ง แต่วิธีนี้มี ข้อจำกัดอยู่ 2 อย่างคือ
- ค่าชดเชยรายวันบริษัทจะไม่ได้จ่ายให้ทันทีที่แฟ็กซ์เคลม โดยจะโอนให้หลังจากที่ลูกค้าออกโรงพยาบาลประมาณ 7-14 วัน โดยวันที่แฟ็กซ์เคลมลูกค้าจะต้องจ่ายส่วนต่างเองก่อน
- อนาคตกรณีค่าห้องเพิ่มสูงขึ้นตามที่ได้อธิบายไป อาจจะปรับเป็น 9,000 บาท ส่วนต่าง 2,000 บาททำค่าชดเชยเพิ่มได้ไหม แบบนี้ก็ขึ้นอยู่กับสุขภาพของลูกค้าด้วยว่ายังแข็งแรงที่จะทำเพิ่มได้รึป่าว หรือมีการปรับเปลี่ยนข้อกำหนดในการทำหรือไม่
หากมีข้อสงสัยอินบ๊อกมาปรึกษาอู๋ได้นะครับ