เคยไหมครับทำงานมาทั้งปีไม่เคยเช็คเลยว่าภาษีที่เราเสียเท่าไหร่ รู้แค่ว่าเงินเดือนเข้า บริษัทหักไว้และได้เงินมาใช้ หรือแค่ตอนยื่นไม่เสียเพิ่มก็ดีใจแล้ว หลายคนยังไม่รู้ว่าเราที่สิทธิ์ที่จะได้ภาษีที่เราจ่ายคืนมา ถ้าเรารู้จักวางแผนและใช้สิทธิลดหย่อน ตามที่สรรพกรกำหนด
มีเพื่อนผมอยู่คนนึงรายได้เยอะพอสมควรทำให้เสียภาษีต่อปีค่อนข้างสูงมาก มาเฉลี่ยแล้วภาษีที่เสียเกือบเท่ากับเงินเดือนๆนึง นั่นแสดงว่า เพื่อนผมคนนี้ทำงานฟรีไป 1 เดือนเลยก็ว่าได้ เพราะเค้าไม่รู้ว่ามีอะไรบ้างที่ใช้ลดหย่อนหรือขอคืนภาษีได้
ลองมาคำนวณภาษีที่ต้องเสียต่อปีแบบง่ายๆกันนะครับ
- ตัวอย่าง A เงินเดือน 55,000 บาท รายได้ต่อปีรวม 660,000 บาท
- A จะได้ค่าลดหย่อน 60,000 บาทและค่าใช้จ่ายส่วนตัว 100,000 บาทรวม 160,000 บาท
- A นำเงินที่จ่ายประกันสังคมปีละ 9,000 บาทมาลดหย่อนได้
- A จะเหลือเงินได้สุทธิ 491,000 บาทที่นำไปคำนวณภาษี
เงินได้จะแบ่งเป็นขั้นดังนี้
- ขั้นที่ 1 – เงินได้ 150,000 บาทไม่เสียภาษี
- ขั้นที่ 2 – เงินได้ 150,001-300,000 บาทเสียภาษี 5% คิดเป็นเงิน 7,500 บาท
- ขั้นที่ 3 – เงินได้ 300,001-500,000 บาทเสียภาษี 10% แต่ในขั้นนี้มีเงินได้แค่ 191,000 บาทคิดเป็นเงิน 19,100 บาท
กรณี A ไม่ใช้สิทธิ์ลดหย่อนหรือซื้อประกันชีวิต/กองทุนเลย ภาษีรวมที่ A ต้องเสียทั้งหมด 26,600 (7,500+19,100) บาทเลยทีเดียว ซึ่งถือเป็นเงินที่เยอะมากๆ
มาดูกันอีกตัวอย่างหนึ่ง ถ้า A วางแผนภาษีโดยการหาตัวช่วยลดหย่อนอื่นๆเพิ่มเพื่อให้เสียภาษีน้อยลง ดังนี้
- ซื้อประกันชีวิต/สะสมทรัพย์ 50,000 บาท
- ซื้อประกันสุขภาพ 25,000 บาท
- กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 20,000 บาท
รวมสิทธิ์ลดหย่อน 95,000 บาท
คำนวณภาษีใหม่ได้ว่า
- A เงินเดือน 55,000 บาท รายได้ต่อปีรวม 660,000 บาท
- A จะได้ค่าลดหย่อน 60,000 บาทและค่าใช้จ่ายส่วนตัว 100,000 บาทรวม 160,000 บาท
- A นำเงินที่จ่ายประกันสังคมปีละ 9,000 บาทมาลดหย่อนได้
- สิทธิ์ลดหย่อนด้านบน 95,000 บาท
A จะเหลือเงินได้สุทธิ 396,000 บาทที่นำไปคำนวณภาษี
เงินได้จะแบ่งเป็นขั้นดังนี้
- ขั้นที่ 1 – เงินได้ 150,000 บาทไม่เสียภาษี
- ขั้นที่ 2 – เงินได้ 150,001-300,000 บาทเสียภาษี 5% คิดเป็นเงิน 7,500 บาท
- ขั้นที่ 3 – เงินได้ 300,001-500,000 บาทเสียภาษี 10% แต่ในขั้นนี้มีเงินได้แค่ 96,000 บาทคิดเป็นเงิน 9,600 บาท
กรณี A ใช้สิทธิ์ลดหย่อนหรือซื้อประกันชีวิต/กองทุน ภาษีรวมที่ A ต้องเสียทั้งหมด 17,100 บาท (7,500+9,600) ลดลงมากจาแบบที่ไม่ใช่สิทธิอะไรเลย และยังได้เก็บเงินอีกด้วย เรียกได้ว่าได้ประโยชน์ 2 ต่อ
จากทั้ง 2 ตัวอย่างจะเห็นว่า ถ้า A ไม่ได้มีการวางแผนภาษีโดยการหาตัวช่วยอื่นๆมาลดหย่อนจะเสียภาษีต่อปีสูงถึง 26,600 บาท แต่ถ้ามีตัวช่วยพวกประกันชีวิต กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือกองทุน SSF จะช่วยประหยัดภาษีไปได้อีกเหลือจ่ายปีละ 17,100 บาท ที่สำคัญกว่าการประหยัดภาษีคือการมีเงินออมที่เพิ่มขึ้นปีละ 70,000 บาทเลยทีเดียว
เห็นประโยชน์แบบนี้แล้วหวังว่าทุกคนจะมาเริ่มวางแผนลดหย่อนภาษีกัน เพื่อใช้สิทธิ์ของตัวเองที่ได้รับกันนะครับ เริ่มวางแผนเร็วก็จะได้เตรียมตัวทัน ถ้าไปเริ่มปลายปีอาจจะงานยุ่ง จนไม่มีเวลาศึกษาข้อมูลก็ได้นะครับ
ประกันชีวิต/สะสมทรัพย์
ประกันสุขภาพ
ประกันแบบบำนาญ
===============
ติดตามช่องทางอื่นของเรา
Facebook : Money and Insurance
Line : https://lin.ee/cAyHd1Q
Website : www.mtl-insure.com
IG : www.instragram.com/mtl_insure
Group : www.facebook.com/groups/190206858958713